กิจกรรมวิทยาศาสตร์เป็นกิจกรรมที่จัดประสบการณ์โดยให้เด็กเรียนรู้โดยการลงมือปฏิบัติจริงและผู้ปกครองสามารถนำมาเชื่อมโยงกับเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เรื่องเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก ธรรมชาติรอบตัว สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเด็กได้ วิทยาศาสตร์จะเน้นให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่งเสริมให้เด็กเป็นคนช่างสำรวจ สืบเสาะ ค้นหา คิดวิเคราะห์ ในสิ่งต่าง ๆ ที่สนใจ ฝึกให้เด็กสามารถอธิบายและหาข้อสรุปในการทดลองต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเด็กเอง เพื่อสร้างความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ให้เด็กมากขึ้น

ผู้ปกครองที่พอมีเวลาว่างลองหากิจกรรมที่ให้เด็กลงมือปฏิบัติจริงโดยทำการทดลองเองที่บ้านวันนี้เรามีกิจกรรมทดลองสนุก ๆ มาให้ผู้ปกครองและเด็ก ๆ เราสามารถนำศิลปะและวิทยาศาสตร์มารวมไว้ในกิจกรรมเดียวกัน ซึ่งในกิจกรรมนี้นอกจากเด็ก ๆ จะได้ทดลองปฏิกิริยาทางเคมีที่น่าทึ่งแล้ว เด็ก ๆ ยังได้ฝึกทักษะการสังเกตและทักษะการลงความเห็นผ่านการทดลองปฏิกิริยาทางเคมี การผสมสีและยังได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีสีสันได้อีกด้วย

วัสดุและอุปกรณ์สำหรับการทดลอง

อุปกรณ์สำหรับการทดลองปฏิกิริยาเคมี
อุปกรณ์สำหรับการทดลองปฏิกิริยาเคมี
  • 1

    สีน้ำหรือสีผสมอาหาร
  • 2

    เบคกิ้งโซดา
  • 3

    น้ำส้มสายชู
  • 4

    จานผสมสีหรือภาชนะเล็ก ๆ สำหรับผสมสีกับน้ำส้มสายชู
  • 5

    ไซริงค์ฉีดยาหรือสำหรับคุณครูอาจใช้ปิเปตต์ได้ค่ะ
  • 6

    ถาดหรือกล่องพลาสติกขนาดพอเหมาะ

ขั้นตอนการทดลอง

1. ก่อนเริ่มการทดลองให้ผู้ปกครองหรือคุณครู นำวัสดุ อุปกรณ์ มาให้เด็ก ๆ ดูแล้วให้เด็กบอกชื่อว่าใครรู้จักชื่ออุปกรณ์พวกนี้บ้างสิ่งไหนที่เด็กไม่รู้จักให้ผู้ปกครองและครูแนะนำ จากนั้นถามเด็กว่าหากนำสีที่ผสมน้ำส้มสายชูมาหยดใส่เบคกิ้งโซดา จะเกิดอะไรขึ้น และเกิดขึ้นเพราะอะไร เมื่อเด็กตอบผู้ปกครองหรือคุณครูอาจจดบันทึกคำตอบของเด็กไว้เพื่อบันทึกพัฒนาการของเด็ก ๆ ด้วย

เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนผสมในการทดลอง
ให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับวัสดุและอุปกรณ์ในการทดลองปฏิกิริยาเคมี

2. เมื่อสนทนากับเด็กแล้ว ให้ผู้ปกครองหรือคุณครู นำถาดหรือกล่องพลาสติก มาให้เด็ก ๆ กล่องละ 1 คนหรือกลุ่มละ 1 ถาด ให้เด็ก ๆ เทเบคกิ้งโซดาใส่ถาดของตนเอง โดยมีผู้ปกครองหรือคุณครูคอยดูแลไม่ให้เด็ก ๆ เทเบคกิ้งโซดาเยอะเกินไปด้วยนะคะ เทแค่เกือบครึ่งถาดก็พอค่ะ และให้เด็กลองสัมผัสกับเบคกิ้งโซดาด้วยก็ได้ค่ะ

เด็กเทเบคกิ้งโซดาลงในกล่องที่ใช้ในการทดลอง
เทเบคกิ้งโซดาลงในกล่องที่ใช้ในการทดลอง

3. ผสมสีและน้ำส้มสายชูในจานผสมสีหรือภาชนะที่เตรียมไว้

เทน้ำส้มสายชูลงไปผสมกับสีผสมอาหาร
เทน้ำส้มสายชูลงไปผสมกับสีผสมอาหาร

4. ใช้ไซริงค์ฉีดยาหรือปิเปตต์ ดูดสีมาหยดลงในถาดที่ใส่เบคกิ้งโซดาไว้ แล้วให้เด็ก ๆ สังเกตดูสิ่งที่เกิดขึ้น

หยดสีลงในกล่องที่ใส่เบคกิ้งโซดาไว้
หยดสีลงในกล่องที่ใส่เบคกิ้งโซดาไว้

5. ให้เวลาเด็ก ๆ ได้ลงมือทำกิจกรรมนี้อย่างเต็มที่ ให้เด็ก ๆ ได้สนุกกับปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้น และถ้าเป็นเด็กโตหน่อยก็จะเริ่มตั้งสมมุติฐานสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเพิ่มสีสันที่แตกต่างกันลงไป เมื่อเด็ก ๆ ทำกิจกรรมจนพอใจแล้ว ผู้ปกครองหรือคุณครูอาจให้เด็ก ๆ ลองสัมผัสเบคกิ้งโซดาที่เราได้หยดสีลงไปว่ามีสัมผัสเป็นอย่างไง แตกต่างจากครั้งแรกหรือไม่ และให้ผู้ปกครองหรือคุณครูพูดคุยกับเด็ก ๆ ถึงการทดลองที่ผ่านมาว่า เกิดอะไรขึ้นบาง และเกิดจากอะไร

หยดสีผสมอาหารลงในเบคกิ้งโซดา
หยดสีแดงลงในเบคกิ้งโซดาเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมี
หยดสีผสมอาหาร 2 สี ในเบคกิ้งโซดาให้สีผสมกัน
เด็กหยดสี 2 สีผสมกัน เพื่อสังเกตว่าสีมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้น เป็นผลจากการทำปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างเบคกิ้งโซดา (ด่าง/เบส) และน้ำส้มสายชู (กรด) ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นี้เองที่ทำให้เบคกิ้งโซดามีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไป และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นก็คืออากาศที่เราหายใจออกมานั้นเองค่ะ

เป็นยังไงกันบางคะ สำหรับวิทยาศาสตร์ง่าย ๆ ที่เด็ก ๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเองจากสิ่งรอบ ๆ ตัว ที่เรานำมาฝากในวันนี้ ผู้ปกครองและคุณครูต้องไม่ลืมที่จะดูแลความปลอดภัยของเด็ก ๆ ในทุกขั้นตอนด้วยนะคะ เด็ก ๆ จะได้สนุกและเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาการที่ดีต่อไปค่ะ